Chapter 13
ขอโทษร้อยครั้งก็ยังไม่พอ
Special by พอร์ช
"ไวท์???"
"อะไร"
แมวตัวน้อยที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือทำเสียงขู่ใส่ผมฝ่อๆอยู่บนที่นอน
ตาแดงกร่ำที่ทำท่าจะร้องไห้แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้น้ำใสๆที่อยู่ปลายตามันไหลลงมา
"บอกว่าอย่ากัดปาก เดี๋ยวเลือดไหล"
เวลาที่ไวท์โกรธ หรือรู้สึกกดดัน
มันจะชอบกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนบางครั้งเผลอทำให้ปากแตกบ่อยๆ
แล้วพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทีไรก็ต้องนอนเจ็บปาก ร้องอวดครวญแทบทั้งคืน
เพราะงั้นมันจะพกยาทาไว้ใกล้ๆตัวเสมอ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไวท์มันเลิกพกยาไปแล้วหรือยัง
เพราะสองปีที่ไม่ได้เจอกัน อะไรๆก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก
"ปากกู"
"ใช่ปากมึงแต่มึงเป็นของกูเพราะฉะนั้นปากมึงก็เป็นของกู
ห้ามกัด กูหวง"
ไอ้ไวท์ขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ก็ไม่เลิกกัดปากตัวเองแถมยิ่งกัดแรงมากกว่าเดิมด้วย
"ไวท์.."
ผมลุกขึ้นนั่งพิงผนังแล้วดึงไวท์ให้ลุกขึ้นตามมานั่งบนตัก
ก่อนจะบีบปากมันแรงๆให้อ้าออก
"อย่ายุ่ง!!!!"
มันปัดมือผมออกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง "จะทำอะไรก็รีบทำ
เสร็จๆแล้วก็ไปสักที"
"มึงอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหมไวท์
มึงพูดเหมือนมึงเป็นพวก...” ขายยังไงยังงั้น
ถึงตอนท้ายไม่ได้พูดออกไปแต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่าไอ้ไวท์มันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
"เหอะ พอร์ช
กูว่ากูก็ไม่ได้ต่างจากคนขายตัวเท่าไหร่หรอก ไม่สิ...กูไม่ได้เงินนี่เนอะ
งั้นก็แสดงว่ากูออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ ไม่ได้เงินยังไม่พอ ยังไม่สามารถเลือกแขกได้อีก"
ไม่รู้ไวท์ที่น่ารักคนเดิมของผมหายไปไหน
ถึงแต่ก่อนมันจะชอบพูดจากวนตีนแต่ไวท์ก็ไม่เคยพูดกับผมแบบนี้
"มึงเปลี่ยนไปนะ"
"กูบอกมึงไปหลายรอบแล้วว่าอะไรๆก็เปลี่ยนไป กูเปลี่ยน
มึงเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด" แต่กูไม่เชื่อหรอกนะว่าหัวใจมึงจะเปลี่ยนไปจากกูด้วย
ถึงแววตาที่ส่งมาให้จะหม่นลงไปบ้าง
แต่ผมยังเห็นความรักของมันที่มอบให้ผมอยู่เต็มดวงตานั้น
"โกหกตัวเองโกหกได้ แต่โกหกใจตัวเองมันยาก"
"กูไม่เคยโกหกใจตัวเองหรอกพอร์ช กู!!! เกลียด!!!
มึง!!!" ไวท์หันมาพูดใส่หน้าผมเต็มๆ มือทั้งสองข้างกำแน่นที่เสื้อผม
"เกลียด....เกลียดมากที่สุด ฮึก.."
บอกกี่ครั้งแล้วนะว่าอย่ากัดปากตัวเอง
ตุบ
"ถ้างั้นกูจะทำให้มึงรู้เองว่าเกลียดที่มึงพูดมันรวมถึงการร้องครางใต้ตัวกูด้วยหรือเปล่า"
ลิ้นร้อนถูกดุนดันเข้าไปในโพรงปากไวท์ มันอ้าปากรับอย่างไม่ขัดขืน
กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเคล้าไปทั่วปาก
เจ็บหรือเปล่านะ
“อื้อ อื้อ” ไม่นานคนใต้ร่างก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปกับผม
ถึงตอนแรกจะทำท่าทางเฉยๆ ไม่หือ ไม่อื้อ ไม่มีดูดปากผมกลับเหมือนอย่างตอนนี้
“เจ็บปากหรือเปล่า” ผมถอนจูบออกจากริมฝีปากเล็กแล้วเขี่ยเบาๆอย่างทะนุถนอม
“ไม่อ่ะ” ไวท์เม้มปากแน่นเหมือนแสดงให้ผมรู้ว่าที่จูบกันเมื่อกี้มันยังไม่พอ
ถึงสายตาจะไม่ได้ยั่วยวนเหมือนผู้หญิงแต่แค่มันนอนหอบหายใจติดขัดแค่นี้ก็ยั่วยวนมากพอที่จะทำส่วนล่างผมแน่นหนึบจนร้าวไปทั้งตัวได้
“....” อยู่ๆผมก็นึกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมาซะงั้น
“อะ..อะไร”
“เปล่าครับ..” ผมพูดพร้อมกับเริ่มกดจูบลงไปที่ริมฝีกปากอีกรอบก่อนจะเลื่อนลงมายังต้นคอ
ไล่กลับขึ้นไปที่ติ่งหู
ขบเม้มอย่างนั้นอยู่สักพักแล้วค่อยๆขยับลงมาข้างล่างแกะกระดุมเสื้อนักศึกษามันอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก
“อื้อ..” เสียงครางกระเส่าดังพร้อมกับลิ้นผมที่แตะรัวลงบนยอดอก
ไวท์บิดกายเร่าอยู่บนที่นอนดวงตาหวานเยิ้มเหมือนเรียกร้องให้ผมทำมากกว่านี้ “พอร์ช...”
เสียงเรียกชื่อผมจากริมฝีปากเล็กกับมือที่สอดเข้าไปตามแนวเสื้อผม
มันยกมือขึ้นกอดคอผมก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปตามเส้นผมช้าๆ
“ครับ..ว่าไง อยากให้ทำมากกว่านี้เหรอ”
“อื้ม” ไวท์พยักหน้าให้ผมเหมือนคนนอนละเมอ
ผมไม่ได้รีบร้อนให้ทุกอย่างมันจบลงอย่างรวดเร็ว
เพราะผมไม่อยากให้ไวท์มองว่าทุกครั้งที่ผมมาหาผมต้องการจะระบายอารมณ์กับมันเพราะเรื่องอย่างว่าเท่านั้น
“อ๊ะ...” เสียงหลุดครางเล็ดรอดออกมาอีกครั้งที่ผมเริ่มจับส่วนอ่อนไหวของไวท์
มันห่อปากน้อยๆเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะอ้าขาให้กว้างออกมากกว่าเดิม
มือยังทำหน้าที่รั้งรูดขึ้นลงช้าๆเหมือนกับปากที่ขยับจูบไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง
“อื้อ อื้ออ” ลมหายใจติดขัดดังขึ้นเรื่อยๆที่มือผมเริ่มเร่งจังหวะ
ผมไม่ได้ต้องการให้ไวท์มาทำให้ผมเหมือนอย่างที่ผมกำลังทำให้มันในตอนนี้
“พอร์ช มะ มึง.. มึงแม่งงง!!” มันผงกหัวขึ้นดูผมก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าทั้งสองข้าง
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่นา ทำไมต้องทำแบบนี้ อื้อ อ๊า”
เสียงอื้ออึงผสมกับเสียงกระเส่าหวานหูดังไม่หยุดหลังจากที่ผมเปลี่ยนจากมือเป็นอะไรที่อ่อนนุ่มกว่า
อย่างเช่นปากที่กำลังครอบครองแก่นกายของมันอยู่
“อ๊ะ อา...” ราวกับว่าครั้งนี้ที่เราทำกันมันไม่ใช่เซ็กส์เหมือนครั้งก่อนๆ
แต่ที่เรากำลังทำอยู่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง
แต่ผมก็ไม่เคยใช้ปากทำแบบนี้ให้ใครหรอกนะ แม้กระทั่งหลิวก็ตาม
กึก
อยู่ๆความคิดก็หยุดชะงักลง
ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดต่อหลิวหรอกนะ
แต่รู้สึกแย่ที่คิดถึงคนอื่นตอนที่กำลังอยู่กับไวท์นี่สิ
“พะ...พอร์ช..มึงหยุดทำไมว่ะ” ผมรู้ว่ามันเขินที่ต้องถามผมแบบนั้นเพราะหน้าไอ้ไวท์ออกสีแดงแปร๊ดซะจนผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมาก
“ขำอะไรเล่า!!! กะ ก็มึงหยุดอ่ะ กูเลยถามดู
ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะเชี่ยพอร์ช”
ไวท์หน้าบึ้งแล้วนอนคว่ำหันหลังเอาส่วนหน้าของมันขยับหนีปากผมทันที
“นอนท่านี้คิดจะยั่วกันก็บอกมาดิ”
“โว้ยยยย!!! ยั่วอะไรเล่า อ๊ะ อา ไม่ใช่นะ อื้อ..พอร์ช ถุงยางด้วย”
“ไม่ใส่ได้ไหมอ่ะ”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้อง” มันทำท่ารังเกียจแล้วถีบตัวผมอย่างแรง
ท่าทางแบบนี้เหมือนอารมณ์มันกำลังจะกลับมาเป็นปกติ
“กูป้องกันทุกครั้งน่าไวท์”
“ใครจะไปรู้ มึงอาจจะเอาโรคจากใครมาติดกูก็ได้” ผมไม่รู้ว่าไวท์หมายถึงใครแต่ตอนนี้ที่ผมคบด้วยก็มีแค่หลิว
“หลิว เขาไม่ได้ร่านเหมือนเพื่อนมึงหรอกนะ” ผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าเบสหรอกนะแต่ผมไม่ชอบให้ไวท์มองหลิวในแง่ร้าย
สำหรับผมแล้วหลิวเป็นคนดีคนนึง เขาเข้าใจผม เขาอยู่กับผมตอนที่ไวท์หายไปไหนก็ไม่รู้
ผลัวะ!!!!
“มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนกู พอร์ช” แมวน้อยกำลังกลายร่างอีกครั้ง
มันจ้องผมตาเขม็งราวกับไม่พอใจที่ผมพูดถึงเบสในแง่นั้น
“มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าหลิวเหมือนกัน”
“กูไม่เคยว่าหลิวเลยสักครั้ง...” ดวงตาไหววูบเหมือนแก้วที่กำลังแตก
ผมไม่มีเวลามานั่งปลอบมันหรอกนะ เพราะอารมณ์ตอนนี้คุกกรุ่นจนแทบอยากจะระเบิด
พอหยิบถุงยางในกระเป๋ามาใส่ได้แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ
ผมไม่ได้เล้าโลม ยัดเข้าไปทั้งๆที่ไวท์บอกว่าเจ็บ น้ำตาที่กลั้นไม่ให้ไหล
สุดท้ายมันก็ไหลออกมาจนได้ ปากสีซีดถูกกัดจนเลือดไหลออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ผมใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่านะ
เสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดกับหน้าไวท์ที่นอนร้องครางฟุบกับที่นอน
มือทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์
เหงื่อพราวเกาะหลังดูเซ็กซี่จนต้องก้มลงไปจูบย้ำแสดงความเป็นเจ้าของบ่อยครั้ง
“อ๊า อ๊า..” ทั้งๆที่ตอนเริ่มมันออกจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ
ผมพยายามผ่อนอารมณ์ตัวเองแล้วเริ่มเล้าโลมคนตรงหน้าอีกครั้ง
ไม่รู้ว่ามันจะทันกับสิ่งที่ผมกระทำก่อนหน้าไหม
แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะทำกับเขาให้นุ่มนวลกว่านี้
“กูไม่ชอบท่านี้เลยมันไม่เห็นหน้ามึง” ผมหันพลิกตัวไวท์ให้หันกลับมานอนในท่าหงายทั้งๆที่บางส่วนยังเชื่อมต่อกันอยู่
น้ำตามากมายไหลเปรอะแก้ม ไวท์ยกมือข้างนึงขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อบังสายตาผม
“เมื่อกี้...พอร์ชขอโทษนะ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูไวท์ก่อนจะดึงมือเล็กให้มากอดคอผมแต่เหมือนบางอย่างจะผิดพลาดไปแล้ว ไวท์ไม่แม้แต่จะกอดคอผม
แถมเขายังไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ
“ขอโทษไวท์ พอร์ชขอโทษ มองหน้าพอร์ชหน่อยสิ นะ..ได้โปรด” อารมณ์ทุกอย่างหยุดกึกลงเพราะเสียงสะอื้นที่ร้องดังไม่หยุด
“กูก็แค่ของเล่นของมึงเท่านั้นแหละพอร์ช”
“ไม่ใช่”
“ใช่!!! ฮึก ฮือออออออ ทำไมจะไม่ใช่ เกลียด เกลียดพอร์ชที่สุด!!!!” ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากกอดปลอบโยนคนตรงหน้า
โยกตัวไวท์ไปมาแล้วพร่ำบอกกับเขาอยู่อย่างนั้นว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
ไวท์ไม่ใช่ของเล่นชิ้นโปรดที่ผมจะหวงเหมือนตอนเด็กๆ
แต่ไวท์เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต
ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปจากผมแน่ๆ
*******************
“อื้อ..” เสียงครางในลำคอเบาๆกับหัวเล็กทุยกำลังเอียงซบมาที่ไหล่ผมช้าๆ
หลังจากที่ผ่านการร้องไห้ไปอย่างหนักคนตรงหน้าก็นอนหลับสนิท ขอบตาบวมช้ำ
เหมือนคนโดนต่อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสำหรับผมแล้วไวท์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
มีคนเคยบอกไว้ว่า ผู้หญิง
ถ้ามีอะไรกับใครแล้ว คนๆนั้นจะดูสวยขึ้น
ผมว่าหลักการนี้อาจจะใช้กับคนตรงหน้าผมได้เหมือนกัน
สำหรับไอ้ไวท์แล้วหลายๆคนมักจะบอกว่ามันหล่อ
หน้าตาอย่างมันไปที่ไหนก็มีแต่สาวกรี๊ดเต็มไปหมด แต่ไม่รู้สิ สำหรับผมแล้ว
ไวท์มันออกจะน่ารักมากกว่า
ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะดูดีขึ้นมากด้วย
ทั้งผมยาวประบ่า ผิวขาวราวกับหิมะ
ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนๆจะเรียกว่าโสโนว์ไวท์ ทั้งๆที่ตอนม.6ไวท์ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ไว้ผมทรงรด.เกรียนๆ
ผิวถึงจะไม่คล้ำมากเหมือนแต่ก็เกรียมแดดนิดๆ
จะพูดยังไงดีล่ะสมัยก่อนมันดูเป็นหล่อเข้มกว่านี้ แต่ตอนนี้ดิทั้งริมฝีปากอมส้มที่ดูน่าจูบ
ร่างบางที่ดูน่าทะนุถนอม ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อน
ผมก็อยากจะดูแลคนตรงหน้าไปตลอดทั้งชีวิตของผม
ถึงแม้เรื่องของเรามันอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน...ไม่ได้ก็เถอะ
“พอร์ช ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น” หนึ่งประโยคจากคนๆนึงที่เคยพูดกับผมยังดังก้องอยู่ในหัวตลอดแม้กระทั่งตอนนี้
ความรู้สึกที่มีให้ไวท์
ผมคิดว่ามันคงไม่ได้แตกต่างจากที่ไวท์มีให้ผมมากเท่าไหร่หรอก
แต่เพราะตัวผมเองมีอีกหลายเหตุผลที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความเป็นเพื่อนไปได้
เพราะฉะนั้นคำว่ารักที่มากกว่าเพื่อนสำหรับผมกับไวท์แล้ว ผมคง...ให้เขาไม่ได้
ไวท์เริ่มขยับตัว
ร่างเล็กเอื้อมมือมาจับที่ผ้าห่มอย่างก่อนะจะดึงขึ้นมาไว้ตรงระดับจมูก
แล้วใช้ปลายจมูกตัวเองเกลี่ยเบาๆที่ปลายผ้าอยู่อย่างนั้น
"เด็กน้อยชะมัด"
“อื้อพอร์ช...” มันปรือตาขึ้นมองผมก่อนจะหลับตาลงไปอีกรอบ
“ไวท์เจ็บ” เจ็บที่ไวท์พูดมันเจ็บตรงไหนว่ะ
ปกติเวลาที่ไวท์มันกึ่งหลับกึ่งตื่นมันมักจะลืมตัวแบบนี้เสมอ
“เจ็บตรงไหน”
“ปาก”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ให้กัดปาก” ผมรีบลุกจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง
ไม่รู้ว่ามันจะยังพกตลับยาไว้ติดตัวหรือเปล่า
ผมค้นห้องไอ้ไวท์อยู่พักใหญ่กว่าจะเจอก็ปาไปเกือบ 10 นาที “เก็บไว้ซะซ่อนเลยนะมึง” พอมานั่งลงกับเตียงก็อดขยี้หัวมันอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
“เจ็บไหมเนี่ย” ผมค่อยป้ายยาไปที่ริมฝีปากไวท์เบาๆ
“โอ้ย..” มันร้องออกมาทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับอยู่
ปกติมันไม่น่าแสบขนาดนี้นิ อย่าบอกนะว่ามันกลับไปใช้ยี่ห้อเดิมอีกแล้ว
ผมยกตลับยาไวท์ขึ้นดมได้กลิ่นเย็นๆก็เดาได้มายากเลยว่าทำไมมันถึงแสบปาก
“ดื้อชะมัด ซาดิสใช่ไหมมึงเนี่ย” แต่ก่อนผมจะเป็นคนเลือกยี่ห้อยาป้ายปากให้ไวท์
ส่วนใหญ่ที่ผมเลือกจะเป็นส่วนผสมของขี้ผึ้งเวลาทามันเลยไม่ค่อยแสบมาก
แต่ไวท์มันบอกว่าไม่ทันใจเลยมักจะแอบผมไปซื้อยี่ห้อที่ทาแล้วแสบปากแต่หายเร็วมาใช้แทน
“คนบ้าอะไรหลับแล้วยังสามารถเชิดปากใส่คนอื่นได้อีก น่ารักเกินไปแล้วนะ”
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
พอเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอก็อยากจะกดปิดเครื่องหรือแกล้งทำเป็นไม่รับสายจริงๆ
“ฮัลโหล...” แต่ก็นั่นแหละ
ผมทำแบบนั้นได้ซะที่ไหน
(พอร์ชอยู่ไหน)
“บ้านน่ะ” กี่วันปากมึงจะหายเจ็บเนี่ยไวท์
ห้อเลือดขนาดนี้ พอดูด้านในแล้วผมก็ต้องส่ายหน้าอีกรอบ
นี้มันเป็นแผลร้อนในหรือรอยกัดจากฟันว่ะเนี่ย เห้อออ กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ
(มาหาหลิวหน่อยสิ)
ผมคุยโทรศัพท์ในท่าเอียงคอแนบกับไหล่แล้วใช้มือข้างนึงดึงริมฝีปากล่างไอ้ไวท์ให้เปิดกว้างกว่าเดิมก่อนจะทายาให้มันอีกครั้ง
(พอร์ช???)
“ห้ะ ว่าไง??”
(หลิวปวดหัว มาหาหลิวหน่อยสิ...นะ)
“.......”
(พอร์ช...)
“อืมๆ รอแป๊บนึงนะกำลังออกไป” ผมกดวางโทรศัพท์เสร็จก็หันไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
กดจูบลงไปที่ปากไวท์อีกครั้งกลิ่นยายังคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก “แล้วกูจะรีบกลับมา....ระ...อึก”
คำพูดบางคำพูดถูกกลืนลงคอทันทีที่ผมเกือบจะพูดอะไรออกไป
“ขอโทษนะ..."
ผมไม่รู้ว่าผมพูดกับไวท์ไปครั้ง ถึงแม้ใครจะบอกว่าคำขอโทษถ้ายิ่งพูดมากเท่าไหร่ความศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น
แต่สำหรับผม
ผมไม่รู้จะพูดอะไรเพราะความผิดของผมมันช่างมากมายเหลือเกิน
ไวท์...
กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ
ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัว
แล้วก็ขอโทษที่กู....ทิ้งหลิวเขาไม่ได้จริงๆ
>>>>>>>>>>>>>>