วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Chapter 13 ขอโทษร้อยครั้งก็ยังไม่พอ


Special by พอร์ช


    "ไวท์???"

   "อะไร" แมวตัวน้อยที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือทำเสียงขู่ใส่ผมฝ่อๆอยู่บนที่นอน ตาแดงกร่ำที่ทำท่าจะร้องไห้แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้น้ำใสๆที่อยู่ปลายตามันไหลลงมา

   "บอกว่าอย่ากัดปาก เดี๋ยวเลือดไหล" เวลาที่ไวท์โกรธ หรือรู้สึกกดดัน มันจะชอบกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนบางครั้งเผลอทำให้ปากแตกบ่อยๆ แล้วพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทีไรก็ต้องนอนเจ็บปาก ร้องอวดครวญแทบทั้งคืน เพราะงั้นมันจะพกยาทาไว้ใกล้ๆตัวเสมอ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไวท์มันเลิกพกยาไปแล้วหรือยัง เพราะสองปีที่ไม่ได้เจอกัน อะไรๆก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก

   "ปากกู"

   "ใช่ปากมึงแต่มึงเป็นของกูเพราะฉะนั้นปากมึงก็เป็นของกู ห้ามกัด กูหวง" ไอ้ไวท์ขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ก็ไม่เลิกกัดปากตัวเองแถมยิ่งกัดแรงมากกว่าเดิมด้วย

   "ไวท์.." ผมลุกขึ้นนั่งพิงผนังแล้วดึงไวท์ให้ลุกขึ้นตามมานั่งบนตัก ก่อนจะบีบปากมันแรงๆให้อ้าออก

   "อย่ายุ่ง!!!!" มันปัดมือผมออกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง "จะทำอะไรก็รีบทำ เสร็จๆแล้วก็ไปสักที"

   "มึงอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหมไวท์ มึงพูดเหมือนมึงเป็นพวก...ขายยังไงยังงั้น ถึงตอนท้ายไม่ได้พูดออกไปแต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่าไอ้ไวท์มันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

   "เหอะ พอร์ช กูว่ากูก็ไม่ได้ต่างจากคนขายตัวเท่าไหร่หรอก ไม่สิ...กูไม่ได้เงินนี่เนอะ งั้นก็แสดงว่ากูออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ ไม่ได้เงินยังไม่พอ ยังไม่สามารถเลือกแขกได้อีก" ไม่รู้ไวท์ที่น่ารักคนเดิมของผมหายไปไหน ถึงแต่ก่อนมันจะชอบพูดจากวนตีนแต่ไวท์ก็ไม่เคยพูดกับผมแบบนี้

   "มึงเปลี่ยนไปนะ"

   "กูบอกมึงไปหลายรอบแล้วว่าอะไรๆก็เปลี่ยนไป กูเปลี่ยน มึงเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด" แต่กูไม่เชื่อหรอกนะว่าหัวใจมึงจะเปลี่ยนไปจากกูด้วย ถึงแววตาที่ส่งมาให้จะหม่นลงไปบ้าง แต่ผมยังเห็นความรักของมันที่มอบให้ผมอยู่เต็มดวงตานั้น

   "โกหกตัวเองโกหกได้ แต่โกหกใจตัวเองมันยาก"

   "กูไม่เคยโกหกใจตัวเองหรอกพอร์ช กู!!! เกลียด!!! มึง!!!" ไวท์หันมาพูดใส่หน้าผมเต็มๆ มือทั้งสองข้างกำแน่นที่เสื้อผม "เกลียด....เกลียดมากที่สุด ฮึก.." บอกกี่ครั้งแล้วนะว่าอย่ากัดปากตัวเอง


ตุบ


   "ถ้างั้นกูจะทำให้มึงรู้เองว่าเกลียดที่มึงพูดมันรวมถึงการร้องครางใต้ตัวกูด้วยหรือเปล่า" ลิ้นร้อนถูกดุนดันเข้าไปในโพรงปากไวท์ มันอ้าปากรับอย่างไม่ขัดขืน กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเคล้าไปทั่วปาก

เจ็บหรือเปล่านะ

   “อื้อ อื้อไม่นานคนใต้ร่างก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปกับผม ถึงตอนแรกจะทำท่าทางเฉยๆ ไม่หือ ไม่อื้อ ไม่มีดูดปากผมกลับเหมือนอย่างตอนนี้

   “เจ็บปากหรือเปล่าผมถอนจูบออกจากริมฝีปากเล็กแล้วเขี่ยเบาๆอย่างทะนุถนอม

   “ไม่อ่ะไวท์เม้มปากแน่นเหมือนแสดงให้ผมรู้ว่าที่จูบกันเมื่อกี้มันยังไม่พอ ถึงสายตาจะไม่ได้ยั่วยวนเหมือนผู้หญิงแต่แค่มันนอนหอบหายใจติดขัดแค่นี้ก็ยั่วยวนมากพอที่จะทำส่วนล่างผมแน่นหนึบจนร้าวไปทั้งตัวได้

   “....” อยู่ๆผมก็นึกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมาซะงั้น

   “อะ..อะไร

   “เปล่าครับ..ผมพูดพร้อมกับเริ่มกดจูบลงไปที่ริมฝีกปากอีกรอบก่อนจะเลื่อนลงมายังต้นคอ ไล่กลับขึ้นไปที่ติ่งหู ขบเม้มอย่างนั้นอยู่สักพักแล้วค่อยๆขยับลงมาข้างล่างแกะกระดุมเสื้อนักศึกษามันอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก

   “อื้อ..เสียงครางกระเส่าดังพร้อมกับลิ้นผมที่แตะรัวลงบนยอดอก ไวท์บิดกายเร่าอยู่บนที่นอนดวงตาหวานเยิ้มเหมือนเรียกร้องให้ผมทำมากกว่านี้ พอร์ช...

เสียงเรียกชื่อผมจากริมฝีปากเล็กกับมือที่สอดเข้าไปตามแนวเสื้อผม มันยกมือขึ้นกอดคอผมก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปตามเส้นผมช้าๆ

   “ครับ..ว่าไง อยากให้ทำมากกว่านี้เหรอ

   “อื้มไวท์พยักหน้าให้ผมเหมือนคนนอนละเมอ ผมไม่ได้รีบร้อนให้ทุกอย่างมันจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะผมไม่อยากให้ไวท์มองว่าทุกครั้งที่ผมมาหาผมต้องการจะระบายอารมณ์กับมันเพราะเรื่องอย่างว่าเท่านั้น

   “อ๊ะ...เสียงหลุดครางเล็ดรอดออกมาอีกครั้งที่ผมเริ่มจับส่วนอ่อนไหวของไวท์ มันห่อปากน้อยๆเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะอ้าขาให้กว้างออกมากกว่าเดิม มือยังทำหน้าที่รั้งรูดขึ้นลงช้าๆเหมือนกับปากที่ขยับจูบไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง

   “อื้อ อื้ออลมหายใจติดขัดดังขึ้นเรื่อยๆที่มือผมเริ่มเร่งจังหวะ ผมไม่ได้ต้องการให้ไวท์มาทำให้ผมเหมือนอย่างที่ผมกำลังทำให้มันในตอนนี้

   “พอร์ช มะ มึง.. มึงแม่งงง!!มันผงกหัวขึ้นดูผมก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าทั้งสองข้าง ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่นา ทำไมต้องทำแบบนี้ อื้อ อ๊าเสียงอื้ออึงผสมกับเสียงกระเส่าหวานหูดังไม่หยุดหลังจากที่ผมเปลี่ยนจากมือเป็นอะไรที่อ่อนนุ่มกว่า อย่างเช่นปากที่กำลังครอบครองแก่นกายของมันอยู่

   “อ๊ะ อา...ราวกับว่าครั้งนี้ที่เราทำกันมันไม่ใช่เซ็กส์เหมือนครั้งก่อนๆ แต่ที่เรากำลังทำอยู่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง แต่ผมก็ไม่เคยใช้ปากทำแบบนี้ให้ใครหรอกนะ แม้กระทั่งหลิวก็ตาม


กึก

อยู่ๆความคิดก็หยุดชะงักลง ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดต่อหลิวหรอกนะ แต่รู้สึกแย่ที่คิดถึงคนอื่นตอนที่กำลังอยู่กับไวท์นี่สิ


   “พะ...พอร์ช..มึงหยุดทำไมว่ะผมรู้ว่ามันเขินที่ต้องถามผมแบบนั้นเพราะหน้าไอ้ไวท์ออกสีแดงแปร๊ดซะจนผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมาก ขำอะไรเล่า!!! กะ ก็มึงหยุดอ่ะ กูเลยถามดู ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะเชี่ยพอร์ช

ไวท์หน้าบึ้งแล้วนอนคว่ำหันหลังเอาส่วนหน้าของมันขยับหนีปากผมทันที

   “นอนท่านี้คิดจะยั่วกันก็บอกมาดิ

   “โว้ยยยย!!! ยั่วอะไรเล่า อ๊ะ อา ไม่ใช่นะ อื้อ..พอร์ช ถุงยางด้วย

   “ไม่ใส่ได้ไหมอ่ะ

   “ถ้างั้นก็ไม่ต้องมันทำท่ารังเกียจแล้วถีบตัวผมอย่างแรง ท่าทางแบบนี้เหมือนอารมณ์มันกำลังจะกลับมาเป็นปกติ

   “กูป้องกันทุกครั้งน่าไวท์

   “ใครจะไปรู้ มึงอาจจะเอาโรคจากใครมาติดกูก็ได้ผมไม่รู้ว่าไวท์หมายถึงใครแต่ตอนนี้ที่ผมคบด้วยก็มีแค่หลิว

   “หลิว เขาไม่ได้ร่านเหมือนเพื่อนมึงหรอกนะผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าเบสหรอกนะแต่ผมไม่ชอบให้ไวท์มองหลิวในแง่ร้าย สำหรับผมแล้วหลิวเป็นคนดีคนนึง เขาเข้าใจผม เขาอยู่กับผมตอนที่ไวท์หายไปไหนก็ไม่รู้

ผลัวะ!!!!

   “มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนกู พอร์ชแมวน้อยกำลังกลายร่างอีกครั้ง มันจ้องผมตาเขม็งราวกับไม่พอใจที่ผมพูดถึงเบสในแง่นั้น

   “มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าหลิวเหมือนกัน

   “กูไม่เคยว่าหลิวเลยสักครั้ง...ดวงตาไหววูบเหมือนแก้วที่กำลังแตก ผมไม่มีเวลามานั่งปลอบมันหรอกนะ เพราะอารมณ์ตอนนี้คุกกรุ่นจนแทบอยากจะระเบิด พอหยิบถุงยางในกระเป๋ามาใส่ได้แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ ผมไม่ได้เล้าโลม ยัดเข้าไปทั้งๆที่ไวท์บอกว่าเจ็บ น้ำตาที่กลั้นไม่ให้ไหล สุดท้ายมันก็ไหลออกมาจนได้ ปากสีซีดถูกกัดจนเลือดไหลออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่านะ

เสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดกับหน้าไวท์ที่นอนร้องครางฟุบกับที่นอน มือทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ เหงื่อพราวเกาะหลังดูเซ็กซี่จนต้องก้มลงไปจูบย้ำแสดงความเป็นเจ้าของบ่อยครั้ง

   “อ๊า อ๊า..ทั้งๆที่ตอนเริ่มมันออกจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ผมพยายามผ่อนอารมณ์ตัวเองแล้วเริ่มเล้าโลมคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันจะทันกับสิ่งที่ผมกระทำก่อนหน้าไหม แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะทำกับเขาให้นุ่มนวลกว่านี้

   “กูไม่ชอบท่านี้เลยมันไม่เห็นหน้ามึงผมหันพลิกตัวไวท์ให้หันกลับมานอนในท่าหงายทั้งๆที่บางส่วนยังเชื่อมต่อกันอยู่ น้ำตามากมายไหลเปรอะแก้ม ไวท์ยกมือข้างนึงขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อบังสายตาผม

   “เมื่อกี้...พอร์ชขอโทษนะผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูไวท์ก่อนจะดึงมือเล็กให้มากอดคอผมแต่เหมือนบางอย่างจะผิดพลาดไปแล้ว  ไวท์ไม่แม้แต่จะกอดคอผม แถมเขายังไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ

   “ขอโทษไวท์ พอร์ชขอโทษ มองหน้าพอร์ชหน่อยสิ นะ..ได้โปรดอารมณ์ทุกอย่างหยุดกึกลงเพราะเสียงสะอื้นที่ร้องดังไม่หยุด

   “กูก็แค่ของเล่นของมึงเท่านั้นแหละพอร์ช

   “ไม่ใช่

   “ใช่!!! ฮึก ฮือออออออ ทำไมจะไม่ใช่ เกลียด เกลียดพอร์ชที่สุด!!!!ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากกอดปลอบโยนคนตรงหน้า โยกตัวไวท์ไปมาแล้วพร่ำบอกกับเขาอยู่อย่างนั้นว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด



ไวท์ไม่ใช่ของเล่นชิ้นโปรดที่ผมจะหวงเหมือนตอนเด็กๆ



แต่ไวท์เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต



ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปจากผมแน่ๆ










*******************


 “อื้อ..เสียงครางในลำคอเบาๆกับหัวเล็กทุยกำลังเอียงซบมาที่ไหล่ผมช้าๆ หลังจากที่ผ่านการร้องไห้ไปอย่างหนักคนตรงหน้าก็นอนหลับสนิท ขอบตาบวมช้ำ เหมือนคนโดนต่อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสำหรับผมแล้วไวท์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม

มีคนเคยบอกไว้ว่า ผู้หญิง ถ้ามีอะไรกับใครแล้ว คนๆนั้นจะดูสวยขึ้น ผมว่าหลักการนี้อาจจะใช้กับคนตรงหน้าผมได้เหมือนกัน

สำหรับไอ้ไวท์แล้วหลายๆคนมักจะบอกว่ามันหล่อ หน้าตาอย่างมันไปที่ไหนก็มีแต่สาวกรี๊ดเต็มไปหมด แต่ไม่รู้สิ สำหรับผมแล้ว ไวท์มันออกจะน่ารักมากกว่า  ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะดูดีขึ้นมากด้วย


ทั้งผมยาวประบ่า ผิวขาวราวกับหิมะ ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนๆจะเรียกว่าโสโนว์ไวท์ ทั้งๆที่ตอนม.6ไวท์ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ไว้ผมทรงรด.เกรียนๆ ผิวถึงจะไม่คล้ำมากเหมือนแต่ก็เกรียมแดดนิดๆ จะพูดยังไงดีล่ะสมัยก่อนมันดูเป็นหล่อเข้มกว่านี้ แต่ตอนนี้ดิทั้งริมฝีปากอมส้มที่ดูน่าจูบ ร่างบางที่ดูน่าทะนุถนอม ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อน ผมก็อยากจะดูแลคนตรงหน้าไปตลอดทั้งชีวิตของผม ถึงแม้เรื่องของเรามันอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน...ไม่ได้ก็เถอะ




            “พอร์ช ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้นหนึ่งประโยคจากคนๆนึงที่เคยพูดกับผมยังดังก้องอยู่ในหัวตลอดแม้กระทั่งตอนนี้



ความรู้สึกที่มีให้ไวท์ ผมคิดว่ามันคงไม่ได้แตกต่างจากที่ไวท์มีให้ผมมากเท่าไหร่หรอก แต่เพราะตัวผมเองมีอีกหลายเหตุผลที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความเป็นเพื่อนไปได้ เพราะฉะนั้นคำว่ารักที่มากกว่าเพื่อนสำหรับผมกับไวท์แล้ว ผมคง...ให้เขาไม่ได้



ไวท์เริ่มขยับตัว ร่างเล็กเอื้อมมือมาจับที่ผ้าห่มอย่างก่อนะจะดึงขึ้นมาไว้ตรงระดับจมูก แล้วใช้ปลายจมูกตัวเองเกลี่ยเบาๆที่ปลายผ้าอยู่อย่างนั้น


   "เด็กน้อยชะมัด"

   “อื้อพอร์ช...มันปรือตาขึ้นมองผมก่อนจะหลับตาลงไปอีกรอบ ไวท์เจ็บเจ็บที่ไวท์พูดมันเจ็บตรงไหนว่ะ ปกติเวลาที่ไวท์มันกึ่งหลับกึ่งตื่นมันมักจะลืมตัวแบบนี้เสมอ

   “เจ็บตรงไหน

   “ปาก

   “ก็บอกแล้วว่าไม่ให้กัดปากผมรีบลุกจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง ไม่รู้ว่ามันจะยังพกตลับยาไว้ติดตัวหรือเปล่า ผมค้นห้องไอ้ไวท์อยู่พักใหญ่กว่าจะเจอก็ปาไปเกือบ 10 นาที เก็บไว้ซะซ่อนเลยนะมึงพอมานั่งลงกับเตียงก็อดขยี้หัวมันอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

   “เจ็บไหมเนี่ยผมค่อยป้ายยาไปที่ริมฝีปากไวท์เบาๆ

   “โอ้ย..มันร้องออกมาทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับอยู่ ปกติมันไม่น่าแสบขนาดนี้นิ อย่าบอกนะว่ามันกลับไปใช้ยี่ห้อเดิมอีกแล้ว ผมยกตลับยาไวท์ขึ้นดมได้กลิ่นเย็นๆก็เดาได้มายากเลยว่าทำไมมันถึงแสบปาก

   “ดื้อชะมัด ซาดิสใช่ไหมมึงเนี่ยแต่ก่อนผมจะเป็นคนเลือกยี่ห้อยาป้ายปากให้ไวท์ ส่วนใหญ่ที่ผมเลือกจะเป็นส่วนผสมของขี้ผึ้งเวลาทามันเลยไม่ค่อยแสบมาก แต่ไวท์มันบอกว่าไม่ทันใจเลยมักจะแอบผมไปซื้อยี่ห้อที่ทาแล้วแสบปากแต่หายเร็วมาใช้แทน

   “คนบ้าอะไรหลับแล้วยังสามารถเชิดปากใส่คนอื่นได้อีก น่ารักเกินไปแล้วนะ



ติ๊ด ติ๊ด


เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ พอเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอก็อยากจะกดปิดเครื่องหรือแกล้งทำเป็นไม่รับสายจริงๆ

   “ฮัลโหล...”  แต่ก็นั่นแหละ ผมทำแบบนั้นได้ซะที่ไหน

   (พอร์ชอยู่ไหน)

   “บ้านน่ะกี่วันปากมึงจะหายเจ็บเนี่ยไวท์ ห้อเลือดขนาดนี้ พอดูด้านในแล้วผมก็ต้องส่ายหน้าอีกรอบ นี้มันเป็นแผลร้อนในหรือรอยกัดจากฟันว่ะเนี่ย เห้อออ กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ

   (มาหาหลิวหน่อยสิ) ผมคุยโทรศัพท์ในท่าเอียงคอแนบกับไหล่แล้วใช้มือข้างนึงดึงริมฝีปากล่างไอ้ไวท์ให้เปิดกว้างกว่าเดิมก่อนจะทายาให้มันอีกครั้ง

   (พอร์ช???)

   “ห้ะ ว่าไง??”

   (หลิวปวดหัว มาหาหลิวหน่อยสิ...นะ)

  “.......”

   (พอร์ช...)

   “อืมๆ รอแป๊บนึงนะกำลังออกไปผมกดวางโทรศัพท์เสร็จก็หันไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง กดจูบลงไปที่ปากไวท์อีกครั้งกลิ่นยายังคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก แล้วกูจะรีบกลับมา....ระ...อึก



คำพูดบางคำพูดถูกกลืนลงคอทันทีที่ผมเกือบจะพูดอะไรออกไป



ขอโทษนะ..." ผมไม่รู้ว่าผมพูดกับไวท์ไปครั้ง ถึงแม้ใครจะบอกว่าคำขอโทษถ้ายิ่งพูดมากเท่าไหร่ความศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น แต่สำหรับผม



ผมไม่รู้จะพูดอะไรเพราะความผิดของผมมันช่างมากมายเหลือเกิน





ไวท์...





กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ






ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัว





แล้วก็ขอโทษที่กู....ทิ้งหลิวเขาไม่ได้จริงๆ










  

>>>>>>>>>>>>>> 
 



Chapter 9 อดีตที่เจ็บปวด

Chapter 9 อดีตที่เจ็บปวด



   “เป็นของกูนะไวท์เสียงกระซิบพร้อมกับริมฝีปากเย็นๆที่ไล่งับจากหลังคอมาจนถึงหน้าอก ก่อนที่สายตาจะเลื่อนมาประสานกันอีกครั้ง


   “กะ...กูว่าอย่าเพิ่งเหอะผมกำเสื้อไอ้พอร์ชแน่นก่อนจะผลักอกมันเต็มแรงเพื่อให้เจ้าตัวลุกขึ้น แต่ไม่รู้ตัวมันหนาหรือผมผลักเบาไปกลายเป็นว่าไอ้พอร์ชนอนทับตัวผมมากกว่าเดิม


   “เชี่ยพอร์ชกูหนัก


   “หนัก


   “กูสิหนัก มึงจะมาหนักอะไรกับกูเล่า อ๊ะเสียงครางหลุดออกจากผมปากทันทีที่ไอ้พอร์ชเริ่มปฏิบัติการใต้ร่มผ้า มันสอดมือเข้าไปในเสื้อ แกล้งลากเบาๆผ่านยอดอกไล่ลงมายังหน้าท้อง และกำลังจะมุดเข้ากางเกงขาสั้นของผม


   “เชี่ยพอร์ช...ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งที่ปกติเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นปกติผมคงให้มันเลยตามเลยช่วยกันเหมือนอย่างที่แล้วๆ แต่จะพูดยังไงดีล่ะเมื่อกี้ไอ้คนตรงหน้าเพิ่งพูดเหมือนจะเอาผมอยู่เลย หรือผมเข้าใจผิดว่ะบางทีความหมายของคำว่าเป็นของกูเถอะนะอาจจะเป็นความหมายอื่น


   “ไวท์...เอากันเถอะพ่องงงงง เมื่อกี้กูเพิ่งคิดเข้าข้างมึงอยู่เลยนะเชี่ยพอร์ช พอได้ยินอย่างนี้ผมล่ะอยากเอาโคมไฟทุ่มใส่หัวมันจริงๆ


   “ลุกเลย


   “ไวท์...


   “พอร์ช มึงไม่ควรทำแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอว่ะอย่าทำเหมือนกูเป็นตัวอะไรสักอย่างเลยพอร์ชแค่นี้มึงก็กักขังกูไว้กับมึงมากเกินไปแล้ว ปล่อยกูไปเถอะ


   “ไม่ใช่ มึงไม่ใช่เพื่อน มึงบอกเองว่ากูไม่ใช่เพื่อนมึง


   “โอเค งั้นมึงเป็นเพื่อนกู พอใจยัง???” ผมเลิกคิ้วถามมันพร้อมกับหยิกแก้มกลมๆทั้งสองข้างของมันแรงๆ เวลาไอ้พอร์ชทำหน้าหงอยเหมือนหมาแบบนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน ลุก!!! กูหนัก ตัวอย่างควายเลยมึงอ่ะ


   “กูไม่อยากได้แค่เพื่อนธรรมดาแล้ว กูอยากได้มากกว่านี้มันพูดเสร็จก็หันมางับมือผมก่อนจะเริ่มส่งสายตาหื่นกามพร้อมกับริมฝีปากที่แนบลงมาประกบตรงปากผมอีกรอบ ครั้งนี้อาจจะไม่อ่อนหวานเหมือนครั้งแรกแต่มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและแรงปรารถนา ผมเผลอยกมือขึ้นกอดคอมันและอ้าปากรับลิ้นที่ไอ้พอร์ชมันดุนเข้ามาในปาก


   “อึก อื้อศีลธรรมแล้วความเป็นเพื่อนหายไปทันทีที่คนตรงหน้าเริ่มถอดเสื้อผมออก ดูจากสีหน้าและท่าทางแล้วไอ้พอร์ชไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ


   “อย่านะมึง กูว่ามันเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนแล้วแบบนี้อ่ะ


   “กูบอกแล้วไงว่ากูอยากได้มากกว่านั้น


   “ถ้างั้น กูถามอะไรมึงอย่างดิ


   “เออ ถามมา


   “กูกับหลิวใครสำคัญกว่ากันผมกลั้นใจถามสิ่งที่แม้ว่ามันจะทำร้ายผมในอนาคตแต่ผมก็อยากรู้ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นไงสุดท้ายวันนี้ผมจะเป็นของมันแน่นอน


   “.....” ไอ้พอร์ชไม่ตอบผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่ามันหมายความว่ายังไง เห้อช่างมันเถอะผมไม่ได้คาดหวังกับคำตอบมันไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปปิดไฟแล้วถอดกางเกงตัวเองออก 


   “คำถามกูยากเกินไปอ่ะดิ ช่างมันเถอะเรามาทำกันดีกว่า


   “แต่...


   “จะแต่เชี่ยอะไรอีก มึงก็รู้ว่าเพื่อนอย่างกูให้มึงได้ทุกอย่างแหละพอร์ช 


แต่ครั้งนี้มึงได้กูแล้วก็เลิกเป็นเพื่อนกับกูเถอะนะ ประโยคหลังผมไม่ได้พูดออกไปแต่ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ อีกไม่นานผมก็จะไปจากชีวิตมันจริงๆแล้ว ผมรู้มาคร่าวๆว่าพ่อจะย้ายขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ถาวรแต่ยังไม่แน่ใจเรื่องบ้านที่กรุงเทพว่าจะปล่อยไว้ให้ผมเผื่อผมสอบติดโควต้าหรือจะขายทิ้งไปเลยดี ตอนนี้ผมว่าผมตัดสินใจแทนพ่อได้แล้วล่ะ


ผมเดินมานั่งตักมันพร้อมกับก้มลงไปประกบปากไอ้พอร์ชอีกครั้ง เราจูบกันเนิ่นนานรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่แค่การกระทำของเพื่อนกับเพื่อน บางครั้งผมก็รู้สึกว่าไอ้พอร์ชมันก็ชอบผมอยู่ไม่น้อย แต่ใครจะไปรู้ใจมันได้เท่ากับตัวมันล่ะ


   “อ๊ะ อา พอร์ช เบาๆผมยกมือขึ้นยันหน้าท้องคนตรงหน้าบอกมันให้ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาช้าๆ


   “เจ็บหรอ


   “อื้อผมพยักหน้าให้มันนิดๆ ไอ้พอร์ชมันหยุดนิดนึงแต่ก็ลดแรงแล้วค่อยๆดันเข้ามาช้าๆ คำพูดปลอบประโลมกับจูบที่ก้มลงมาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่าทำเอาลืมความเจ็บปวดไปได้ง่ายๆ


   “เหมือนกูกำลังอยู่ในตัวมึงเลยว่ะดูมันพูด นี่เรียกว่าโง่หรืออะไรว่ะ 

   “มึงเข้ามาจนมิดด้ามขนาดนี้ไม่อยู่ในตัวแล้วเข้าเรียกว่าอะไรล่ะไอ้ควาย อ๊ะ อาไอ้พอร์ชเริ่มขยับสะโพกเบาๆตามแรงปรารถนา มันดึงมือผมไปจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของตัวเอง 


   “ไวท์...


   “อ๊ะ อ๊าเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของเตียงผสมกับเสียงหอบหายใจของผมกับไอ้พอร์ช ก่อนที่จะถึงปลายสุดของเส้นทางผมอยากบอกอะไรบางอย่างที่ผมเก็บไว้มานานให้มันรับรู้
   


   “กูรักมึงพอร์ช/มึงเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของกูไวท์ ก่อนที่ไอ้พอร์ชจะล้มตัวลงนอนข้างๆกายผมเราพูดคำสุดท้ายออกมาพร้อมกัน แม้ว่าความหมายเหมือนจะไม่ต่างกันมากแต่มันกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง



   “..........”




   “..........”




   “คือว่ากู....พอร์ชพูดอึกอักพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแก้มผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ มันคงไหลทะลักออกมาพร้อมกับสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อกี้



   “ฮึก...มึงไม่ต้องห่วงหรอกพอร์ชถึงกูจะรักมึงมากแค่ไหน ฮึก...แต่กูจะเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับมึงเหมือนเดิม


   “ไวท์...




   “ขอร้องฮึก..ล่ะ.. อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลย แค่วันนี้นะ แค่วันนี้ที่กูได้เป็นคนรักของมึง กูขอแค่วันเดียวก็ได้...ฮึก..ฮือ




   “ขอโทษนะไวท์ 




   “อื้อ กูเข้าใจ 






ผมตื่นขึ้นมาอีกทีพร้อมกับคนข้างกายที่หายไป ผมรู้ว่ามันคงรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมบอกมันเมื่อคืน แต่ก็ช่างมันเถอะสิ่งที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้อยู่ดี ผมพยายามลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำแล้วกลับบ้านไปบอกพ่อและแม่เรื่องย้ายโรงเรียนตามเขาทั้งคู่ไปอยู่เชียงใหม่ ตอนแรกผมกะว่าจะอยู่เรียนที่นี้ให้จบๆแต่สุดท้ายผมก็คงบากหน้าอยู่สู้หน้าไอ้พอร์ชไม่ได้ ย้ายๆไปนั่นแหละดีแล้ว




ยังไงซะ ผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันต่อไปไม่ได้อยู่ดี 




ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผมทำเรื่องย้ายโรงเรียนและย้ายบ้านไอ้พอร์ชไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาให้ผมเห็นเลยสักครั้ง มันคงไม่อยากเจอหน้าผม คงคิดเหมือนผมแหละว่าถ้าเจอกันจะปั้นหน้าใส่กันยังไง ก็นะ เป็นเพื่อนกันมาเกือบสิบปีอยู่ๆมาบอกว่าคิดเกินเพื่อนมันก็คงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย 



   “เสร็จยังไวท์ ไม่ลืมอะไรใช่ไหมลูก 



   “ไม่ครับพ่อ คิดว่าไม่ลืมนะผมยิ้มให้พ่อแล้วเข้าไปนั่งในเบาะหลัง ก่อนจะหันไปมองบ้านที่ตอนนี้บริษัทขายบ้านคงขายทอดตลาดให้คนอื่นไปเรียบร้อยแล้วเพราะพ่อได้เงินจากการขายบ้านมาเมื่อวานและทางบริษัทเร่งให้เราออกจากบ้านเพื่อที่เจ้าของบ้านคนใหม่จะได้เข้ามาอยู่ในสัปดาห์หน้า 



   “แล้วไวท์บอกเบอร์ใหม่พอร์ชยัง เบอร์พ่อกับแม่พอร์ชก็ไม่มีนะ



   “บอกแล้วครับผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาไอ้พอร์ช ที่โทรไปไม่ได้อยากบอกมันหรอกครับว่าผมจะไปไหน แต่แค่อยากฟังเสียงมันเป็นครั้งสุดท้าย ผมกดโทรหามันอยู่หลายรอบแต่ก็ยังไม่มีคนรับ บางทีมันอาจจะยุ่งอยู่หรือไม่ก็....





คงไม่อยากรับสายผม





งั้นโทรหาหลิวล่ะกัน



   (ว่าไงไวท์)


   “เสียงสดใสเชียว อยู่ต่างจังหวัดดูมีความสุขใหญ่เลยนะ
   

   (แหงล่ะ อากาศที่นี้ดีจะตาย ว่าแต่ไวท์เถอะมีอะไรหรือเปล่า ปกติไม่เห็นโทรหาหลิว)


   “ไม่มีอะไรโทรมาเฉยๆน่ะ แล้วหลิวได้คุยกับพอร์ชมั้งป่ะ


   (เอ่อ ไม่เลย เราไม่ได้สนิทกับพอร์ชขนาดนั้นสักหน่อย)


   “หลิว ไวท์รู้แล้วนะว่าพอร์ชกับหลิวเป็นแฟนกัน


   (รู้ได้ยังไง!!!)


   “ก็พอร์ชบอก มันเขินใหญ่เลย แถมบอกกับไวท์ด้วยนะว่ารักหลิวมากที่สุด


   (จริงหรอ ปกติพอร์ชมันก็บอกเราบ่อยอยู่นะ แต่พอเห็นมันไปเล่าให้ไวท์ฟังแบบนี้แล้วเรารู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ เออ อีกไม่กี่วันหลิวจะกลับกรุงเทพแล้ว ยังไงเจอกันแล้วค่อยคุยกันต่อนะพอดีพอร์ชโทรมาน่ะ)




   “.....”



   (ฮัลโหลไวท์ ได้ยินไหม)



   “อ้อ อื้ม แล้วเจอกัน ฝากดูแลพอร์ชด้วยนะ




ผมกดวางโทรศัพท์เสร็จก็ถอดซิมออก เบอร์ผมกับเบอร์ไอ้พอร์ชมีเลขตัวท้ายต่างกันแค่ตัวเดียว ไอ้จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย แต่ยังไงซะถ้าไม่ได้ใช้นานๆเดี๋ยวมันก็ตัดไปเองอยู่ดี เสียงเพลงคลอเบาๆที่พ่อเปิดในรถไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกเจ็บมันจางหายไปได้เลย



ผมหันไปมองไอ้ดำก่อนจะล้มตัวฟุบหน้าลงกับตุ๊กตาหมาที่ไอ้พอร์ชซื้อให้แล้วค่อยๆหลับตาลงช้าๆ พลางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่แรกที่รู้จัก จนถึงวันสุดท้ายที่เห็นหน้า มีใครเคยบอกไว้นะว่ามีอยู่ 3 สิ่งในชีวิตเรา ที่เราไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้ เวลา คำพูด และโอกาส



แต่สำหรับผมแล้ว ความสุขที่เคยมีร่วมกับไอ้พอร์ชมันก็ไม่สามารถเรียกกับมาชดเชยความเจ็บปวดในใจได้เลยสักนิด





มึงยังอยากอยู่กับกูหรือเปล่าว่ะไอ้ดำ มึงคงไม่ได้รังเกียจกูเหมือนกับไอ้พอร์ชหรอกใช่มั้ย






เพราะตอนนี้







แม้แต่คำว่าเพื่อนเจ้าของมึงเขาก็ไม่อยากให้กูเป็นเลยด้วยซ้ำ...

Chapter 3 *นี่มึงไม่เคย.....หรอว่ะ????

                “เฮ้ย มึงอย่าหนีดิว่ะ


                “แน่จริงก็จับให้ได้ดิ


ผมมองเด็กม.ต้นสองคนที่วิ่งไล่จับกันจนลับสายตา เสียงหัวเราะที่ดังแว่วจนไม่ได้ยินเสียงทำเอาผมนึกเรื่องราวของตัวเองในอดีต นึกถึงความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นครั้งแรกจากอะไรบางอย่าง




                “ไวท์วันนี้มึงไปนอนบ้านกูป่ะผมหันไปมองไอ้พอร์ชที่ตอนนี้กำลังหอบหายใจเข้าปอดพร้อมกับล้มตัวลงนอนบนตักผม


                “อี้ ไอ้พอร์ชเหม็นเหงื่อผมผลักหัวไอ้พอร์ชออกจากตักทันทีที่รับรู้ได้ถึงความชื้นแฉะที่แปะอยู่ที่ขา


                “ไปมั้ยดูมันไม่ลุกออกจากตักผมแล้วยังมีหน้ามาถามเรื่องอื่นอีก


                “ขี้เกียจสุดท้ายผมก็ได้ไปแต่ปล่อยเลยตามเลยให้มันนอนเอาเหงื่อแปะขาผมไว้อย่างนั้นก่อนจะยื่นขวดน้ำกับผ้าเย็นไปวางแปะบนหน้ามันแทน



วันนี้ไอ้พอร์ชมีแข่งบาสกับต่างโรงเรียน มันลากผมมาดูทั้งๆที่ผมกำลังอ่านหนังสือสอบอยู่


                “ไปนะ วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่ กูอยู่คนเดียว แถมมีอะไรเด็ดๆให้มึงดูด้วย


               "....???...."


                “เชื่อดิไวท์มึงไม่เคยได้ชมแน่นอน หึหึ


                “เออๆ ไปก็ได้จริงๆผมก็พอจะเดาได้นิดหน่อยนะว่าไอ้อะไรเด็ดๆที่มันพูดถึงคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ไอ้พอร์ชไปยืมแผ่นหนังโป๊มาจากไอ้โยเมื่อวันก่อนแน่ๆ


                “ดีมากเพื่อเลิฟไอ้หมาพอร์ชพูดพร้อมกับยกมือขึ้นบีบจมูกผมเบาๆ "20นาทีนะ" มันบอกเวลาปลุกผมเสร็จก็ดึงผ้าเย็นแปะหน้าตัวเองไว้เหมือนเดิม ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนตักกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา



เราสองคนเรียนอยู่ชั้นม.2แล้วครับ หลายๆอย่างเปลี่ยนไปมากจากไอ้พอร์ชขี้แกล้งไม่มีใครคบ ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลยด้วยซ้ำเพราะใครๆก็อยากเป็นเพื่อนมัน รอบตัวไอ้พอร์ชดูเหมือนจะเปล่งประกายมีแสงจ้าจนบางทีผมเริ่มแสบตานิดๆ แตกต่างจากผมอย่างเห็นได้ชัดที่นับวันแสงเจิดจ้าที่เคยมีตอนประถมลดเหลือเป็นแค่ดาวเคราะห์น้อยที่วนรอบตัวไอ้พอร์ชเท่านั้น



หลายครั้งที่ผมพยายามปลีกตัวออกจากมัน แต่ก็เป็นมันอีกนั่นแหละที่มักจะดึงมือผมไปอยู่ข้างๆแล้วบอกเสมอว่าผมเป็นเพื่อนคนสำคัญ


                “ไวท์กูสูงขึ้นอีกเซนแล้วนะ


                “ทำไมเป็นงั้นว่ะ ทั้งๆที่ตอนประถมมึงเป็นแค่ไอ้ตัวเปี๊ยกเองแท้ๆ แต่มึงไม่ต้องห่วงไปนะพอร์ชไม่มีทางที่มึงจะสูงไล่กูแน่นอนไอ้เตี้ยผมเหยียดตามองไอ้เตี้ยที่ตอนนี้ความสูงแทบจะไล่ถึงผมอยู่แล้ว


                “หรอคร้าบบบบบ ไอ้พอร์ชวิ่งไล่ผมจนถึงบ้าน


                “อ่าวเด็กๆ อย่าวิ่งในบ้านสิลูก


                “แม่อ้อมหวัดดีครับผมกับไอ้พอร์ชยกมือไหว้แม่อ้อมพร้อมกันก่อนจะเป็นผมที่วิ่งตึงตังขึ้นห้องเพื่อไปอาบน้ำเก็บเสื้อผ้า


                “แม้อ้อมวันนี้ให้ไวท์ไปนอนกับพอร์ชนะเสียงไอ้พอร์ชพูดขออนุญาตแม่เพื่อจะชวนผมไปนอนบ้านมัน


                “พ่อกับแม่ไปต่างประเทศอีกแล้วหรอ


                “ใช่ครับ


                “งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยไป


                “คร้าบบบบหลังจากกินข้าวเสร็จผมกับไอ้พอร์ชก็ปั่นจักรยานแล้วปรี่ไปที่บ้านมันด้วยความตื่นเต้น


                “ตื่นเต้นไปป่ะไวท์ หึหึไอ้พอร์ชผลักหัวผมอย่างแรงก่อนจะเดินนำผมเข้าไปในบ้าน มันจัดการล็อคประตูบ้านแล้วดึงผมให้เดินตามมันขึ้นไปบนห้อง


                “เปล่าสักหน่อยแค่แผ่นหนังโป๊ ถึงกูจะไม่เคยดูแต่กูรู้หรอกน่าว่ามันเป็นแบบไหน  ชิ


                “กูอาบน้ำก่อนนะ อย่าแอบเปิดดูก่อนล่ะ


                “อือผมพยักหัวหงึกๆให้มันเสร็จก็รื้อกระเป๋าไอ้พอร์ชหยิบแผ่นหนังที่มีรูปผู้หญิงหน้าตาคิคุเหมือนคนญี่ปุ่นใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งอ้าขาด้วยท่าเซ็กซี่ สายตายั่วยวนทำเอาผมกลืนก้อนน้ำลายเหนียวลงคอได้อย่างยากลำบาก แค่เห็นหน้าปกผมก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆแล้ว นี่ถ้าได้เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวคง...


                “อะแฮ่ม..เสียงเชี่ยพอร์ชที่เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันรอบเอว มันส่งสายตากรุ่มกริ่มมาให้ผมเป็นเชิงล้อ

                “อะไรกูไม่ได้อยากรู้สักหน่อยผมโยนแผ่นไร้สาระลงบนที่นอนแบบไม่แยแสก่อนจะทำทีเดินไปหยิบการ์ตูนที่เรียงบนตู้มาอ่านเล่น


               “กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปนั่งบนเตียงไป กูแต่งตัวเสร็จจะเปิดให้ดูผมทำตามคำสั่งไอ้พอร์ชอย่างว่าง่าย มันเดินไปใส่เสื้อผ้าแล้วหยิบแผ่นหนังใส่เข้าไปในเครื่อง เปิดทีวีแล้วเดินมานั่งลงกับพื้นข้างๆเตียงที่ผมนั่งอยู่


               "อ่ะ เช็ดหัวให้หน่อย"


               "อืม" ผมดึงผ้าผืนน้อยไปไว้ในมือก่อนจะวางแปะไว้บนหัวคนตรงหน้า จัดการขยี้เบาๆให้มันพร้อมกับตาที่มองไปยังจอทีวี


               “อ๊ะ..อาเชี่ยมาถึงก็เปิดฉากกันเลยหรอนั่น

           
               “อื้อ อื้อ...เขาทำกันอย่างนี้หรอว่ะ ผมไม่สนใจจะเช็ดหัวให้ไอ้พอร์ชแต่กลับหันไปหยิบผ้าห่มผืนหนาของมาคลุมขาแล้วปิดหน้าตัวเองโผล่เหลือไว้แค่ส่วนของเบ้าตา ไอ้พอร์ชหันมายิ้มเยาะใส่ผมแล้วหันไปเช็ดศีรษะเอง ใช่สิก็มึงเคยดูบ่อยแล้วนี่พอร์ช กูเพิ่งจะดู...O_O


              “อา..อ๊ะ อ๊ะสายตาที่ไม่ได้ละออกไปจาหน้าจอทีวีกับไอ้พอร์ชที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้สนใจมากไปกว่าทีวีจอแบนในห้องมัน


              “พอร์ช อย่าบัง...แม่งแกล้งผมอ่ะมันเบี่ยงตัวเอาหลังมาบังสายตาผมเฉยเลย


              “หึหึ


              “เงียบไปเลยสาดดด =[]=


              “อ๊า อา อิคึอิคึคืออะไรว่ะ แล้วนี่ผมเป็นอะไรไอ้ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน ความรู้สึกปวดหนึบที่ช่องท้องแบบนี้ มันรู้สึกแปลกๆ ผมนั่งบิดไปบิดมาอยู่บนที่นอน ยิ่งดูภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกมากเข้าไปใหญ่ ไอ้ที่อยู่ตรงกลางตัวก็...



พรึ่บ



             “มึงทำอะไรของมึงเนี่ย พอร์ช!!!!ผมรีบยื้อผ้าห่มที่ไอ้พอร์ชมันดึงออกจากตัวผมเมื่อกี้มาปิดไว้ที่เดิม


             “มึงไม่เคยหรอไวท์


             “เคยอะไรว่ะ



             "ช่วยตัวเองไง??”




ช่วยตัวเอง????



ช่วยตัวเองคืออะไรว่ะ???



             “ฮ่า ฮ่า ฮ่าผมคงทำหน้าเอ๋อใส่ไอ้พอร์ชมากไป มันเลยหัวเราะขำออกมาเหมือนคนบ้าแบบนั้น


             “อะไรของมึงเล่า!!ปาหมอนใส่แม่งเลยก็กูไม่รู้นี้หว่าว่าไอ้ช่วยตัวเองที่มึงพูดมันคืออะไร


             “มานี่เดี๋ยวกูสอนไอ้พอร์ชดึงมือผมให้เข้ามายืนในห้องน้ำก่อนจะจัดการดึงกางเกงบอลผมลงทันที ไอ้ผมหรอจะปล่อยให้มันทำอะไรแบบนั้นก็ยื้อกางเกงตัวเองสุดแรงเกิด

           
             “อื้อออ มึงอ่ะ จะทำไรว่ะไอ้พอร์ช

           
             “ถ้าไม่ทำมึงก็จะนอนไม่สบายตัวทั้งคืน เชื่อกูดิ กูธนเทพนะครับ เทพเจ้าแห่งในทุกๆเรื่องยิ้มมุมปากผุดขึ้นราวกับยิ้มเยาะว่าผมนั้นโง่แสนโง่ ไอ้พอร์ชมันเดินมาซ้อนหลังผมก่อนจะค่อยๆถอดกางผมออกช้าๆ


             “มึง...


             “เชื่อกูเถอะน่าไวท์..เสียงกระซิบข้างหูกับลมหายใจที่รดอยู่ตรงต้นคอทำเอาผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเดิม ผมหลับรับสัมผัสที่ไอ้พอร์ชส่งมาให้ผมทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นคำกระซิบกับมือที่กอดเอวผมไว้หลวมๆ


             “แต่มันดูน่าอายยังไงไม่รู้...


             “เชื่อกู ไวท์ ลืมตาด้วย...คำพูดช้าๆเนิบนาบทำให้ผมลืมตาตามคำสั่งมัน มึงดูนะ น้องชายมึงมันตั้งแบบนี้ แสดงว่ามึงมีอารมณ์ อย่าทำหน้างงดิ อารมณ์ที่กูพูดถึงคือความต้องการทางเพศแล้วที่มันลุกตั้งทุกๆเช้านี่คือกูต้องการ่วมเพศทุกเช้าเลยหรือว่ะไม่น่าใช่นะ


             “คิดอะไรของมึงอยู่ล่ะ จะฟังที่กูสอนไหม

           
             “เออๆๆ ฟัง หะ เห้ยย มึงจะทำอะไรน่ะผมโวยวายเสียงดังใส่มันทันทีที่มันทำท่าจะจับไวท์น้อยของผม


             “หึ..มันไม่ฟังคำทัดท้วงผมสักคำแถมยังเอามือมาประคองไวท์สุดที่รักแล้วเริ่มใช้นิ้วเกลี่ยที่ปลายหัว ขยี้เบาๆแล้วค่อยๆรูดขึ้นลงช้าๆ

             
               “พะ..พอร์ช


                “เป็นไง..ลมหายใจที่พ่นอยู่ข้างแก้ม ผมรู้สึกเลยว่ามันเป็นตัวเร่งเร้าอารมณ์ผมสุดๆ


                “กูรู้สึกแปลกๆ..อ๊ะ..อาผมเอื้อมมือไปจับข้อมือไอ้พอร์ชที่กำลังเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ


                “อื้อ อื้อ พอร์ช..ความรู้สึกสุขสมมันแทรกเข้ามาทันทีที่มันขยับข้อมือมากขึ้น อยากได้ให้มันเร็วกว่านี้


                “เร็ว...ผมก้มตัวทำท่าจะร่วงลงกับพื้นแต่ยังดีที่มีมืออีกข้างของมันประคองผมไว้อยู่


                “อ๊ะ อ๊า อาาาาาาความรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อย น้ำสีขาวขุ่นไหลเลอะมือคนที่ทาบทับผมอยู่ด้านหลัง ผมนั่งหอบหายใจหมดแรงอยู่ที่พื้นปรือตามองไอ้พอร์ชที่ตอนนี้มันทำหน้าแปลกๆ


                “มึงหน้าแดง...


                “เออไง กูก็อยากเหมือนกันนี่มันล้างมือที่อ่างล้างหน้าเสร็จก็หยิบกระดาษทิชชู่ส่งมาให้ผม


                “ถ้างั้นเดี๋ยวกูช่วยมึงคืนก็ได้






ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผมทำเรื่องน่าอายแบบนั้นได้ยังไงT^T แต่จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้นมาความรู้สึกผมที่มีต่อไอ้พอร์ชมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วก็เถอะ


แอ๊ดดดด


เมื่อเช้าจำได้ว่าล็อคประตูห้องเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอว่ะ ผมค่อยๆหย่องเบาๆเดินเข้าไปในห้องตัวเองอย่างเงียบเชียบ ในมือมีกระเป๋าสะพายที่พร้อมจะเตรียมทุ่มฟาดไอ้หัวขโมยที่กำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนผม


เอ๋...ขโมยบ้าอะไรว่ะมานอนหลับบนที่นอนกูเนี่ย 



พรึ่บ!!!!


                “อื้อ...ไวท์


                “ไอ้เชี่ยพอร์ช!! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย!!!”  ผมใช้เท้าเขี่ยสิ่งมีชีวิตที่นอนปรือตาอยู่บนเตียง มันพยายามยื้อผ้าห่มผมกลับไปเพื่อที่จะเอาห่มต่อ กูถามว่ามึงเข้ามาได้ไง


                “กูขอกุญแจยามเขามา เขาจำหน้ากูได้


                “ห้ะ??? แค่นี้เองหรอครั้งที่แล้วไอ้วินมันขอยืมกุญแจกับยามใต้หอ มันไม่เห็นจะง่ายอย่างนี้เลย ได้ข่าวว่าไอ้วินต้องสู้รบปรบมือกันเป็นชั่วโมงไอ้ยามหน้าหอก็ไม่ยอมให้ จนสุดท้ายไอ้วินยอมแพ้นั่งรอจนผมมานั่นแหละ แถมยังบ่นเป็นหมีกินผึ้งเอากุญแจผมไปปั้มแจกจ่ายไอ้เบสไอ้เกมส์ด้วยเผื่อว่ามาครั้งหน้าจะได้ไม่มีเรื่องต่อยตีกับยามอีก


                “ก็เปล่า กูซื้อของกินมาให้เขานิดหน่อย เขาก็เลยยอมน่ะยามที่นี้แม่งเห็นแก่กินฉิบหาย แถมเขายังบอกว่าคราวหน้าจะปั้มกุญแจสำรองเผื่อกูด้วยล่ะไอ้พอร์ชยิ้มแยกเขี้ยว ยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมอย่างกวนตีน


                “มึงไม่มีบ้านให้กลับหรือไง


                “ไม่อยากกลับว่ะ กลับไปก็อยู่คนเดียว


                “พ่อกับพี่พัชไปดูงานหรอ


                “อื้อมันพยักหน้าให้ผมนิดหน่อยก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ขอผ้าห่มกูคืนนะไวท์ผ้าห่มกูเถอะพอร์ช แม่งนอนไม่ได้เกรงใจเจ้าของห้องอย่างกูเลยยยย ผมปล่อยผ้าห่มคืนให้ไอ้พอร์ชแล้วค่อยเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า


                “ไวท์...


                “อือ


                “หิวข้าว..


                “....” มึงเห็นหอกูเป็นร้านอาหารข้างทางหรือไงครับธนเทพ แหมมมม = =


                “ไวท์ พอร์ชหิวข้าว


                “....” หน้าด้านอ้อนกูอีก


                “น้ามันทำตาปริบๆส่งยิ้มหวานอ้อนๆมาให้ผมสุดพลัง


                “เออๆ ข้าวผัดนะ กูขี้เกียจทำเยอะแยะ


                “มึงนี่น่ารักที่สุดอ่ะ




น่ารักแล้วทำไมมึงไม่เคยคิดจะรักกูเลยว่ะพอร์ช .



เดี๋ยวนะ!?!?



นี่ผมกำลังคิดบ้าบอคอแตกอะไรอยู่เนี่ย =_= โว๊ะ  ทำข้าวผัดดีกว่ากู



ผมเดินออกไปเตรียมของเพื่อทำข้าวผัดให้คุณชายที่ยังนอนขดตัวเหมือนลูกหมาอยู่บนที่นอน ไอ้พอร์ชไม่มีทีท่าว่าจะขยับก้าวเดินไปที่ไหน หรือแม้แต่น้ำใจจะเดินมาช่วยหยิบจับของให้ก็ไม่มี แม่ง เห็นแล้วก็หมั่นไส้อยากจะเอาตะหลิวฟาดหน้าสักทีสองที ทั้งๆที่มันควรจะหนีหายไปจากชีวิตผมตลอดกาล Forever ไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกันอีกแล้วแท้ๆ แต่ฟ้าช่างกลั่นแกล้งผมให้มาเจอกับบุคคลที่ผมเกลียดขี้หน้าอีกจนได้ แถมมันยังมานอนมีความสุขอยู่บนเตียงผมด้วยนี่สิ


                “บ่นอะไรว่ะพูดถึงก็มาเลยเมื่อกี้ยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงไม่ใช่หรือไง แม่งตายอยากยิ่งกว่าแมลงสาบอีกนะมึงเนี่ย


                “สวดบำเพ็ญ ภาวนาให้สัตว์โลก


                “หรอ สวดเผื่อกูเปล่าเสียงที่ใกล้เข้ามารับรู้ได้ว่าไอ้คนที่พูดเมื่อกี้ มันไม่ได้อยู่ไกลจากตัวผมแน่ๆ สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่วนเวียนอยู่ด้านหลัง ว่าไง สวดเผื่อกูเปล่า...



เสียงกระซิบแถวๆใบหู ลมหายใจ กับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆเหมือนน้ำทะเล



มึงจะมายืนซ้อนหลังกูทำมายยย เชี่ยพอร์ช กูขนลุกกกกกกกT^T


                “เออไง แผ่ส่วนบุญให้มึงด้วยผมทำทีไม่สนใจพยายามเคาะกะทะดังโป๊กๆไล่หมาไล่แมวให้มันเลิกมาวนเวียนขอส่วนบุญอยู่ข้างหลังผม แต่นะคนหน้าด้านหน้าทนอย่างไอ้พอร์ชยิ่งไล่ก็เหมือนยิ่งเรียกให้มันเช้ามาใกล้ๆ


                “ไวท์...


                “อะไรของมึงเนี่ยพอร์ช ปล่อยเอวกูมายืนข้างหลังไม่พอยังมีหน้ามากอดที่เอวผมอีก


                “ไวท์...


                “ไอ้พอร์ชปล่อย!!!ผมผลักศีรษะไอ้พอร์ชที่วางแมะลงบนบ่าผมออกจากรังเกียจ แต่อย่างที่ทุกคนเข้าใจเลยครับชิตก่อนมันเป็นตุ๊กแก ผลักหัวกลวงๆของมันไม่ไปแล้วมือที่เกาะเอวผมอยู่ยังติดหนึบนิ่งกว่ากาวอีกครับพี่น้อง


                “พอร์ช!!!


                “อย่าหายไปไหนอีกนะอ้อมกอดแน่นที่รับรู้ได้ถึงแรงบีบ แรงสัมผัสที่ทำราวกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน




                “อย่าไปไหนอีก...





                “....”
         



 
                “นะ...


             


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกอบกู้เอกราชผมได้ในทันทีทันใด ต้องขอบคุณไอโฟนไอ้พอร์ชที่ทำให้ผมไม่ต้องอยู่ในบรรยากาศอึดอัด ไอ้พอร์ชหยิบโทรศัพท์หน้าจอลื่นออกจากกระเป๋ากางเกงมองหน้าจอนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปคุยในห้อง มันทำหน้าเครียดเดินวนไปวนมาในห้องเหมือนหนูติดจั่น ผมไม่รู้ว่าคนปลายสายมีเรื่องอะไร แต่คนๆนั้นก็ทำเอาไอ้พอร์ชขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมอยู่ดี


                “แล้วเจอกันครับไอ้พอร์ชกรอกเสียงสุดท้ายเสร็จก็มาสบตากับผมที่ยืนมองมันอยู่ก่อน เรายืนมองกันผ่านกระจกโดยไม่พูดอะไรพักนึง ก่อนจะเป็นผมที่เบนสายตาหนีมันมาที่ข้าวผัดตรงหน้า ส่วนไอ้พอร์ชมันก็เดินไปใส่เสื้อนักศึกษาที่แขวนไว้ในตู้


                “พอร์ชเสร็จแล้วจะแดกเลยเปล่าผมยื่นหน้าไปถามไอ้พอร์ชในห้องเห็นมันกำลังเอาเสื้อเข้าในกางเกงอยู่


                “เออ ไวท์ กูขอโทษว่ะ เมื่อกี้หลิวโทรมา เห็นบอกว่ามีเรื่องนิดหน่อย กูว่าจะ...


                “ไม่เป็นไรมึงไปเถอะ


                “ขอโทษจริงๆว่ะไวท์มันพูดพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด ยกมือไหว้ผมเป็นเชิงขอโทษ


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


                “ว่าไงหลิว แป๊บนึงนะ กูไปก่อนนะมึง ยังไงวันหลังกูมากินแน่นอน


                “เออๆ..แล้วเจอกันผมยกยิ้มให้ไอ้พอร์ชที่เดินปิดประตูออกไปก่อนจะหันมามองข้าวผัดที่อยู่ในกระทะ จะแดกยังไงหมดว่ะเนี่ย ทำไว้ตั้งเยอะ




อย่าหายไปไหนอีกนะ



ทำไมมึงไม่ปล่อยกูไปว่ะพอร์ช ทั้งๆที่รู้ว่ากูเคยชอบมึงมากมายขนาดไหน ทำไมไม่ปล่อยกูไป






Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

               “ว่าไงวิน


              (สโนวววว มึงอยู่ไหน หอป่ะ??)


               “อืม

             
               (กูซื้อเค้กมา ตอนนี้อยู่ใต้หอมึงและ กำลังจะขึ้นไป)


               “เออๆ มาดิ กูทำข้าวผัดเหลือเยอะฉิบหาย มาช่วยกูแดกเลยเชี่ยวิน


               (ฮ่า ฮ่า กำลังจะขึ้นไปนี่ไงคร้าบบบบเจ้าหญิง)




=_= เจ้าหญิงพร่องงงงงงงงงง




>>>>>>>>>>>>
http://writer.dek-d.com/nuoouka/story/viewlongc.php?id=1002915&chapter=3