วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Chapter 13 ขอโทษร้อยครั้งก็ยังไม่พอ


Special by พอร์ช


    "ไวท์???"

   "อะไร" แมวตัวน้อยที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือทำเสียงขู่ใส่ผมฝ่อๆอยู่บนที่นอน ตาแดงกร่ำที่ทำท่าจะร้องไห้แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้น้ำใสๆที่อยู่ปลายตามันไหลลงมา

   "บอกว่าอย่ากัดปาก เดี๋ยวเลือดไหล" เวลาที่ไวท์โกรธ หรือรู้สึกกดดัน มันจะชอบกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนบางครั้งเผลอทำให้ปากแตกบ่อยๆ แล้วพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทีไรก็ต้องนอนเจ็บปาก ร้องอวดครวญแทบทั้งคืน เพราะงั้นมันจะพกยาทาไว้ใกล้ๆตัวเสมอ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไวท์มันเลิกพกยาไปแล้วหรือยัง เพราะสองปีที่ไม่ได้เจอกัน อะไรๆก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก

   "ปากกู"

   "ใช่ปากมึงแต่มึงเป็นของกูเพราะฉะนั้นปากมึงก็เป็นของกู ห้ามกัด กูหวง" ไอ้ไวท์ขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ก็ไม่เลิกกัดปากตัวเองแถมยิ่งกัดแรงมากกว่าเดิมด้วย

   "ไวท์.." ผมลุกขึ้นนั่งพิงผนังแล้วดึงไวท์ให้ลุกขึ้นตามมานั่งบนตัก ก่อนจะบีบปากมันแรงๆให้อ้าออก

   "อย่ายุ่ง!!!!" มันปัดมือผมออกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง "จะทำอะไรก็รีบทำ เสร็จๆแล้วก็ไปสักที"

   "มึงอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหมไวท์ มึงพูดเหมือนมึงเป็นพวก...ขายยังไงยังงั้น ถึงตอนท้ายไม่ได้พูดออกไปแต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่าไอ้ไวท์มันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

   "เหอะ พอร์ช กูว่ากูก็ไม่ได้ต่างจากคนขายตัวเท่าไหร่หรอก ไม่สิ...กูไม่ได้เงินนี่เนอะ งั้นก็แสดงว่ากูออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ ไม่ได้เงินยังไม่พอ ยังไม่สามารถเลือกแขกได้อีก" ไม่รู้ไวท์ที่น่ารักคนเดิมของผมหายไปไหน ถึงแต่ก่อนมันจะชอบพูดจากวนตีนแต่ไวท์ก็ไม่เคยพูดกับผมแบบนี้

   "มึงเปลี่ยนไปนะ"

   "กูบอกมึงไปหลายรอบแล้วว่าอะไรๆก็เปลี่ยนไป กูเปลี่ยน มึงเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด" แต่กูไม่เชื่อหรอกนะว่าหัวใจมึงจะเปลี่ยนไปจากกูด้วย ถึงแววตาที่ส่งมาให้จะหม่นลงไปบ้าง แต่ผมยังเห็นความรักของมันที่มอบให้ผมอยู่เต็มดวงตานั้น

   "โกหกตัวเองโกหกได้ แต่โกหกใจตัวเองมันยาก"

   "กูไม่เคยโกหกใจตัวเองหรอกพอร์ช กู!!! เกลียด!!! มึง!!!" ไวท์หันมาพูดใส่หน้าผมเต็มๆ มือทั้งสองข้างกำแน่นที่เสื้อผม "เกลียด....เกลียดมากที่สุด ฮึก.." บอกกี่ครั้งแล้วนะว่าอย่ากัดปากตัวเอง


ตุบ


   "ถ้างั้นกูจะทำให้มึงรู้เองว่าเกลียดที่มึงพูดมันรวมถึงการร้องครางใต้ตัวกูด้วยหรือเปล่า" ลิ้นร้อนถูกดุนดันเข้าไปในโพรงปากไวท์ มันอ้าปากรับอย่างไม่ขัดขืน กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเคล้าไปทั่วปาก

เจ็บหรือเปล่านะ

   “อื้อ อื้อไม่นานคนใต้ร่างก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปกับผม ถึงตอนแรกจะทำท่าทางเฉยๆ ไม่หือ ไม่อื้อ ไม่มีดูดปากผมกลับเหมือนอย่างตอนนี้

   “เจ็บปากหรือเปล่าผมถอนจูบออกจากริมฝีปากเล็กแล้วเขี่ยเบาๆอย่างทะนุถนอม

   “ไม่อ่ะไวท์เม้มปากแน่นเหมือนแสดงให้ผมรู้ว่าที่จูบกันเมื่อกี้มันยังไม่พอ ถึงสายตาจะไม่ได้ยั่วยวนเหมือนผู้หญิงแต่แค่มันนอนหอบหายใจติดขัดแค่นี้ก็ยั่วยวนมากพอที่จะทำส่วนล่างผมแน่นหนึบจนร้าวไปทั้งตัวได้

   “....” อยู่ๆผมก็นึกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมาซะงั้น

   “อะ..อะไร

   “เปล่าครับ..ผมพูดพร้อมกับเริ่มกดจูบลงไปที่ริมฝีกปากอีกรอบก่อนจะเลื่อนลงมายังต้นคอ ไล่กลับขึ้นไปที่ติ่งหู ขบเม้มอย่างนั้นอยู่สักพักแล้วค่อยๆขยับลงมาข้างล่างแกะกระดุมเสื้อนักศึกษามันอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก

   “อื้อ..เสียงครางกระเส่าดังพร้อมกับลิ้นผมที่แตะรัวลงบนยอดอก ไวท์บิดกายเร่าอยู่บนที่นอนดวงตาหวานเยิ้มเหมือนเรียกร้องให้ผมทำมากกว่านี้ พอร์ช...

เสียงเรียกชื่อผมจากริมฝีปากเล็กกับมือที่สอดเข้าไปตามแนวเสื้อผม มันยกมือขึ้นกอดคอผมก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปตามเส้นผมช้าๆ

   “ครับ..ว่าไง อยากให้ทำมากกว่านี้เหรอ

   “อื้มไวท์พยักหน้าให้ผมเหมือนคนนอนละเมอ ผมไม่ได้รีบร้อนให้ทุกอย่างมันจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะผมไม่อยากให้ไวท์มองว่าทุกครั้งที่ผมมาหาผมต้องการจะระบายอารมณ์กับมันเพราะเรื่องอย่างว่าเท่านั้น

   “อ๊ะ...เสียงหลุดครางเล็ดรอดออกมาอีกครั้งที่ผมเริ่มจับส่วนอ่อนไหวของไวท์ มันห่อปากน้อยๆเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะอ้าขาให้กว้างออกมากกว่าเดิม มือยังทำหน้าที่รั้งรูดขึ้นลงช้าๆเหมือนกับปากที่ขยับจูบไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง

   “อื้อ อื้ออลมหายใจติดขัดดังขึ้นเรื่อยๆที่มือผมเริ่มเร่งจังหวะ ผมไม่ได้ต้องการให้ไวท์มาทำให้ผมเหมือนอย่างที่ผมกำลังทำให้มันในตอนนี้

   “พอร์ช มะ มึง.. มึงแม่งงง!!มันผงกหัวขึ้นดูผมก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าทั้งสองข้าง ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่นา ทำไมต้องทำแบบนี้ อื้อ อ๊าเสียงอื้ออึงผสมกับเสียงกระเส่าหวานหูดังไม่หยุดหลังจากที่ผมเปลี่ยนจากมือเป็นอะไรที่อ่อนนุ่มกว่า อย่างเช่นปากที่กำลังครอบครองแก่นกายของมันอยู่

   “อ๊ะ อา...ราวกับว่าครั้งนี้ที่เราทำกันมันไม่ใช่เซ็กส์เหมือนครั้งก่อนๆ แต่ที่เรากำลังทำอยู่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง แต่ผมก็ไม่เคยใช้ปากทำแบบนี้ให้ใครหรอกนะ แม้กระทั่งหลิวก็ตาม


กึก

อยู่ๆความคิดก็หยุดชะงักลง ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดต่อหลิวหรอกนะ แต่รู้สึกแย่ที่คิดถึงคนอื่นตอนที่กำลังอยู่กับไวท์นี่สิ


   “พะ...พอร์ช..มึงหยุดทำไมว่ะผมรู้ว่ามันเขินที่ต้องถามผมแบบนั้นเพราะหน้าไอ้ไวท์ออกสีแดงแปร๊ดซะจนผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมาก ขำอะไรเล่า!!! กะ ก็มึงหยุดอ่ะ กูเลยถามดู ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะเชี่ยพอร์ช

ไวท์หน้าบึ้งแล้วนอนคว่ำหันหลังเอาส่วนหน้าของมันขยับหนีปากผมทันที

   “นอนท่านี้คิดจะยั่วกันก็บอกมาดิ

   “โว้ยยยย!!! ยั่วอะไรเล่า อ๊ะ อา ไม่ใช่นะ อื้อ..พอร์ช ถุงยางด้วย

   “ไม่ใส่ได้ไหมอ่ะ

   “ถ้างั้นก็ไม่ต้องมันทำท่ารังเกียจแล้วถีบตัวผมอย่างแรง ท่าทางแบบนี้เหมือนอารมณ์มันกำลังจะกลับมาเป็นปกติ

   “กูป้องกันทุกครั้งน่าไวท์

   “ใครจะไปรู้ มึงอาจจะเอาโรคจากใครมาติดกูก็ได้ผมไม่รู้ว่าไวท์หมายถึงใครแต่ตอนนี้ที่ผมคบด้วยก็มีแค่หลิว

   “หลิว เขาไม่ได้ร่านเหมือนเพื่อนมึงหรอกนะผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าเบสหรอกนะแต่ผมไม่ชอบให้ไวท์มองหลิวในแง่ร้าย สำหรับผมแล้วหลิวเป็นคนดีคนนึง เขาเข้าใจผม เขาอยู่กับผมตอนที่ไวท์หายไปไหนก็ไม่รู้

ผลัวะ!!!!

   “มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าเพื่อนกู พอร์ชแมวน้อยกำลังกลายร่างอีกครั้ง มันจ้องผมตาเขม็งราวกับไม่พอใจที่ผมพูดถึงเบสในแง่นั้น

   “มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าหลิวเหมือนกัน

   “กูไม่เคยว่าหลิวเลยสักครั้ง...ดวงตาไหววูบเหมือนแก้วที่กำลังแตก ผมไม่มีเวลามานั่งปลอบมันหรอกนะ เพราะอารมณ์ตอนนี้คุกกรุ่นจนแทบอยากจะระเบิด พอหยิบถุงยางในกระเป๋ามาใส่ได้แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ ผมไม่ได้เล้าโลม ยัดเข้าไปทั้งๆที่ไวท์บอกว่าเจ็บ น้ำตาที่กลั้นไม่ให้ไหล สุดท้ายมันก็ไหลออกมาจนได้ ปากสีซีดถูกกัดจนเลือดไหลออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่านะ

เสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดกับหน้าไวท์ที่นอนร้องครางฟุบกับที่นอน มือทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ เหงื่อพราวเกาะหลังดูเซ็กซี่จนต้องก้มลงไปจูบย้ำแสดงความเป็นเจ้าของบ่อยครั้ง

   “อ๊า อ๊า..ทั้งๆที่ตอนเริ่มมันออกจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ผมพยายามผ่อนอารมณ์ตัวเองแล้วเริ่มเล้าโลมคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันจะทันกับสิ่งที่ผมกระทำก่อนหน้าไหม แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะทำกับเขาให้นุ่มนวลกว่านี้

   “กูไม่ชอบท่านี้เลยมันไม่เห็นหน้ามึงผมหันพลิกตัวไวท์ให้หันกลับมานอนในท่าหงายทั้งๆที่บางส่วนยังเชื่อมต่อกันอยู่ น้ำตามากมายไหลเปรอะแก้ม ไวท์ยกมือข้างนึงขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อบังสายตาผม

   “เมื่อกี้...พอร์ชขอโทษนะผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูไวท์ก่อนจะดึงมือเล็กให้มากอดคอผมแต่เหมือนบางอย่างจะผิดพลาดไปแล้ว  ไวท์ไม่แม้แต่จะกอดคอผม แถมเขายังไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ

   “ขอโทษไวท์ พอร์ชขอโทษ มองหน้าพอร์ชหน่อยสิ นะ..ได้โปรดอารมณ์ทุกอย่างหยุดกึกลงเพราะเสียงสะอื้นที่ร้องดังไม่หยุด

   “กูก็แค่ของเล่นของมึงเท่านั้นแหละพอร์ช

   “ไม่ใช่

   “ใช่!!! ฮึก ฮือออออออ ทำไมจะไม่ใช่ เกลียด เกลียดพอร์ชที่สุด!!!!ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากกอดปลอบโยนคนตรงหน้า โยกตัวไวท์ไปมาแล้วพร่ำบอกกับเขาอยู่อย่างนั้นว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด



ไวท์ไม่ใช่ของเล่นชิ้นโปรดที่ผมจะหวงเหมือนตอนเด็กๆ



แต่ไวท์เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต



ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปจากผมแน่ๆ










*******************


 “อื้อ..เสียงครางในลำคอเบาๆกับหัวเล็กทุยกำลังเอียงซบมาที่ไหล่ผมช้าๆ หลังจากที่ผ่านการร้องไห้ไปอย่างหนักคนตรงหน้าก็นอนหลับสนิท ขอบตาบวมช้ำ เหมือนคนโดนต่อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นสำหรับผมแล้วไวท์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม

มีคนเคยบอกไว้ว่า ผู้หญิง ถ้ามีอะไรกับใครแล้ว คนๆนั้นจะดูสวยขึ้น ผมว่าหลักการนี้อาจจะใช้กับคนตรงหน้าผมได้เหมือนกัน

สำหรับไอ้ไวท์แล้วหลายๆคนมักจะบอกว่ามันหล่อ หน้าตาอย่างมันไปที่ไหนก็มีแต่สาวกรี๊ดเต็มไปหมด แต่ไม่รู้สิ สำหรับผมแล้ว ไวท์มันออกจะน่ารักมากกว่า  ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะดูดีขึ้นมากด้วย


ทั้งผมยาวประบ่า ผิวขาวราวกับหิมะ ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนๆจะเรียกว่าโสโนว์ไวท์ ทั้งๆที่ตอนม.6ไวท์ยังเป็นแค่เด็กนักเรียนที่ไว้ผมทรงรด.เกรียนๆ ผิวถึงจะไม่คล้ำมากเหมือนแต่ก็เกรียมแดดนิดๆ จะพูดยังไงดีล่ะสมัยก่อนมันดูเป็นหล่อเข้มกว่านี้ แต่ตอนนี้ดิทั้งริมฝีปากอมส้มที่ดูน่าจูบ ร่างบางที่ดูน่าทะนุถนอม ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อน ผมก็อยากจะดูแลคนตรงหน้าไปตลอดทั้งชีวิตของผม ถึงแม้เรื่องของเรามันอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน...ไม่ได้ก็เถอะ




            “พอร์ช ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้นหนึ่งประโยคจากคนๆนึงที่เคยพูดกับผมยังดังก้องอยู่ในหัวตลอดแม้กระทั่งตอนนี้



ความรู้สึกที่มีให้ไวท์ ผมคิดว่ามันคงไม่ได้แตกต่างจากที่ไวท์มีให้ผมมากเท่าไหร่หรอก แต่เพราะตัวผมเองมีอีกหลายเหตุผลที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความเป็นเพื่อนไปได้ เพราะฉะนั้นคำว่ารักที่มากกว่าเพื่อนสำหรับผมกับไวท์แล้ว ผมคง...ให้เขาไม่ได้



ไวท์เริ่มขยับตัว ร่างเล็กเอื้อมมือมาจับที่ผ้าห่มอย่างก่อนะจะดึงขึ้นมาไว้ตรงระดับจมูก แล้วใช้ปลายจมูกตัวเองเกลี่ยเบาๆที่ปลายผ้าอยู่อย่างนั้น


   "เด็กน้อยชะมัด"

   “อื้อพอร์ช...มันปรือตาขึ้นมองผมก่อนจะหลับตาลงไปอีกรอบ ไวท์เจ็บเจ็บที่ไวท์พูดมันเจ็บตรงไหนว่ะ ปกติเวลาที่ไวท์มันกึ่งหลับกึ่งตื่นมันมักจะลืมตัวแบบนี้เสมอ

   “เจ็บตรงไหน

   “ปาก

   “ก็บอกแล้วว่าไม่ให้กัดปากผมรีบลุกจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง ไม่รู้ว่ามันจะยังพกตลับยาไว้ติดตัวหรือเปล่า ผมค้นห้องไอ้ไวท์อยู่พักใหญ่กว่าจะเจอก็ปาไปเกือบ 10 นาที เก็บไว้ซะซ่อนเลยนะมึงพอมานั่งลงกับเตียงก็อดขยี้หัวมันอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

   “เจ็บไหมเนี่ยผมค่อยป้ายยาไปที่ริมฝีปากไวท์เบาๆ

   “โอ้ย..มันร้องออกมาทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับอยู่ ปกติมันไม่น่าแสบขนาดนี้นิ อย่าบอกนะว่ามันกลับไปใช้ยี่ห้อเดิมอีกแล้ว ผมยกตลับยาไวท์ขึ้นดมได้กลิ่นเย็นๆก็เดาได้มายากเลยว่าทำไมมันถึงแสบปาก

   “ดื้อชะมัด ซาดิสใช่ไหมมึงเนี่ยแต่ก่อนผมจะเป็นคนเลือกยี่ห้อยาป้ายปากให้ไวท์ ส่วนใหญ่ที่ผมเลือกจะเป็นส่วนผสมของขี้ผึ้งเวลาทามันเลยไม่ค่อยแสบมาก แต่ไวท์มันบอกว่าไม่ทันใจเลยมักจะแอบผมไปซื้อยี่ห้อที่ทาแล้วแสบปากแต่หายเร็วมาใช้แทน

   “คนบ้าอะไรหลับแล้วยังสามารถเชิดปากใส่คนอื่นได้อีก น่ารักเกินไปแล้วนะ



ติ๊ด ติ๊ด


เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ พอเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอก็อยากจะกดปิดเครื่องหรือแกล้งทำเป็นไม่รับสายจริงๆ

   “ฮัลโหล...”  แต่ก็นั่นแหละ ผมทำแบบนั้นได้ซะที่ไหน

   (พอร์ชอยู่ไหน)

   “บ้านน่ะกี่วันปากมึงจะหายเจ็บเนี่ยไวท์ ห้อเลือดขนาดนี้ พอดูด้านในแล้วผมก็ต้องส่ายหน้าอีกรอบ นี้มันเป็นแผลร้อนในหรือรอยกัดจากฟันว่ะเนี่ย เห้อออ กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ

   (มาหาหลิวหน่อยสิ) ผมคุยโทรศัพท์ในท่าเอียงคอแนบกับไหล่แล้วใช้มือข้างนึงดึงริมฝีปากล่างไอ้ไวท์ให้เปิดกว้างกว่าเดิมก่อนจะทายาให้มันอีกครั้ง

   (พอร์ช???)

   “ห้ะ ว่าไง??”

   (หลิวปวดหัว มาหาหลิวหน่อยสิ...นะ)

  “.......”

   (พอร์ช...)

   “อืมๆ รอแป๊บนึงนะกำลังออกไปผมกดวางโทรศัพท์เสร็จก็หันไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง กดจูบลงไปที่ปากไวท์อีกครั้งกลิ่นยายังคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก แล้วกูจะรีบกลับมา....ระ...อึก



คำพูดบางคำพูดถูกกลืนลงคอทันทีที่ผมเกือบจะพูดอะไรออกไป



ขอโทษนะ..." ผมไม่รู้ว่าผมพูดกับไวท์ไปครั้ง ถึงแม้ใครจะบอกว่าคำขอโทษถ้ายิ่งพูดมากเท่าไหร่ความศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น แต่สำหรับผม



ผมไม่รู้จะพูดอะไรเพราะความผิดของผมมันช่างมากมายเหลือเกิน





ไวท์...





กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ






ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัว





แล้วก็ขอโทษที่กู....ทิ้งหลิวเขาไม่ได้จริงๆ










  

>>>>>>>>>>>>>> 
 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น